วิธีลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ไม่สามารถลบออกได้
เคยต้องการลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ด้วยการกด delete แล้วพบข้อความแจ้งข้อผิดพลาด
แบบนี้กันบ้างไหม
แบบที่ 1
อ้างถึง:
Cannot delete XXXXXXXXXX: Access is denied.
Make sure the disk is not full or write-protected and that the file is not currently in use.
แบบที่ 2
อ้างถึง:
Cannot delete XXXXXXXXXX: It is being used by another person or program.
Close any programs that might be using the file and try again.
แบบที่ 3 [กรณีลบด้วยคำสั่ง DOS]
อ้างถึง:
The process cannot access the file because it is being used by another process.
คำเตือน : การลบไฟล์ต่างๆ เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง ทางเราไม่รับผิดชอบสำหรับความเสียหายใดๆ อันเกิดกับคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือตัวคุณ จากการทำตามคำแนะนำจากเว็บนี้
End the Locking Process
คำแนะนำแรก ไฟล์ที่ลบไม่ได้นั้น เนื่องจากถูกใช้งานอยู่ โดยทั่วไปเป็นเพราะไฟล์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม หรือโดนล็อคไว้โดยโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่ ซึ่งอาจเป็นสปายแวร์ หากเป็นสปายแวร์ขั้นแรกให้ปิดโปรแกรมสปายแวร์นั้นที่ กำลังทำงานอยู่ ถ้าไม่ได้เกิดจากสปายแวร์ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
กดปุ่ม 3 ปุ่มนี้พร้อมกัน Ctrl-Alt-Delete เพื่อเรียก Windows Task Manager ขึ้นมา ที่แท็บ Processes ให้หา Processes ที่ไม่ควรที่จะมีการทำงาน [คุณต้องทราบเองว่าเป็นตัวไหน]
บางครั้งชื่อของสปายแวร์หาได้ง่าย แต่บางครั้งก็เข้ารหัส หรือตั้งใจใช้การสุ่มเลือกเอาไว้ ถ้าสงสัยไฟล์นั้นลองหาในลิงก์นี้ http://www.google.com/search?q=msbb%2Eexe (ค้นหา msbb.exe ใน Google แสดงผลว่าเป็นสปายแวร์)
เมื่อลบ process แล้ว ในบางครั้งคุณก็สามารถลบไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับ process นั้นได้
Shut Down "explorer.exe" and use DOS
ถ้าวิธีข้างต้นยังใช้งานไม่ได้ บางทีไฟล์ถูกล็อกไว้ด้วย "explorer.exe" ไม่ใช่ Internet Explorer นะ เป็นคนละตัวกัน Explorer เป็น user interface ของ windows ถ้าปิด explorer จะทำให้บางอย่างหายไป เช่น Start menu หรือ taskbar เป็นต้น การปิด explorer ไม่ได้ทำลายระบบ ให้คิดว่า explorer.exe เป็นเหมือนอีกโปรแกรมหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่
ตอนนี้ให้ใช้ Task Manager ปิด "explorer.exe" ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมจะทำงานไม่ได้ แค่โดนจำกัดการทำงานบางอย่างในตอนนี้เท่านั้น แต่เราสามารถใช้ Task Manager เรียก Explorer กลับมาทำงานอีกครั้งได้
หลังจากปิด "explorer.exe" แล้ว ในหน้าต่างของ Task Manger ให้เลือก "File" > "New Task (Run...)" จากนั้นให้พิมพ์คำว่า cmd แล้วเคาะ Enter
ตอนนี้อยู่ในหน้าต่าง DOS แล้ว [ตอนนี้จะเป็นการลบไฟล์โดยไม่ใช้ Windows Explorer และโปรแกรมอื่นๆ ที่จะต้องการให้ explorer.exe ทำงาน อาจเป็นไปได้ว่า explorer.exe กำลังใช้ไฟล์ที่เราต้องการลบ และป้องกันเราจากการทำการลบ คำตอบนี้จะให้คุณปิด explorer และย้ายคุณสมบัตของไฟล์ที่กำลังใช้งานอยู่ แล้วยอมให้เราลบมันได้] ให้ใช้คำสั่งต่อไปนี้ใน DOS เพื่อช่วยในการเข้าถึงไดร์ฟ โฟลเดอร์ หรือไฟล์ที่เราต้องการลบ
อ้างถึง:
cd \ ________________________ go to drive root
cd FOLDER_NAME_HERE _________ go into folder
cd .. _______________________ go up to parent folder (designated by two periods "..")
cd c: _______________________ go to specified drive
ลบไฟล์ด้วยการใช้คำสั่งต่อไปนี้
อ้างถึง:
del FILE_NAME_HERE __________ deletes specified file
del *.* _____________________ deletes all files in current folder
ลบโฟลเดอร์ด้วยการใช้คำสั่งต่อไปนี้
อ้างถึง:
rd FOLDER_NAME_HERE _________ removes (deletes) folder if empty (contains no files)
เมื่อคุณลบไฟล์หรือโฟลเดอร์เรียบร้อยแล้ว ให้กลับไปที่ Task Manager แล้วรัน "explorer.exe" เพื่อเรียก Explorer กลับคืนมาทำงานเหมือนเดิม ด้วยการเข้าไปที่ "File" > "New Task (Run...)" ในหน้าต่าง Task Manager แล้วพิมพ์คำว่า explorer.exe
Delete the file or folder using the DOS names:
บางครั้งชื่อไฟล์เป็นชื่อที่ใช้ไม่ได้ใน Windows เช่น ไฟล์ที่ลงท้ายด้วย .. จะเข้าไม่ได้ในวินโดว์ ต้องลบไฟล์แบบนี้ในดอสด้วยการใช้ชื่อแบบดอส
ใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อให้แสดงชื่อไฟล์หรือโฟลเดอร์แ บบดอส
อ้างถึง:
dir *.* /x __________________ lists files and folders in DOS name format
อย่างเช่น "Favorites" จะแสดงชื่อในดอสเป็น "FAVORI~1" คุณสามารถเข้าถึงไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ใช้ชื่อที่ใช้กั บวินโดว์ไม่ได้ ได้ด้วยการใช้ชื่อแบบดอสแทนชื่อแบบวินโดว์
Delete File Before Locking Process Starts Via Batch File
วิธีนี้ใช้ในกรณีที่เราไม่สามารถลบ process ที่กำลังล็อคไฟล์ที่คุณต้องการลบ ด้วยการลบไฟล์ก่อนที่ process จะมีโอกาสล็อคไฟล์นั้น
สมมติว่าเราต้องการลบไฟล์ชื่อ "toolbar.dll" ที่อยู่ใน "C:\Program Files\Toolbar"
ก็คือลบไฟล์นี้ตามที่อยู่ในนี้ "C:\Program Files\Toolbar\toolbar.dll"
• สร้าง text file ไว้ที่ Desktop ด้วยการคลิกขวาที่ Desktop เลือก New เลือก Text Document
• Rename ไฟล์ "New Text Document.txt" เป็นชื่อ "delete.bat"
นามสกุล .bat คือ batch files ซึ่งเป็นรายการคำสั่งดอสที่จะทำงานเมื่อ batch file ทำงาน
• ให้แก้ไข batch file ด้วยการคลิกขวาที่ไฟล์ "delete.bat" เลือก "Edit"
• ให้ใส่ข้อความต่อไปนี้ลงไป (ใส่เครื่องหมายคำพูดด้วยนะ)
อ้างถึง:
REM Delete Batch File
del "C:\Program Files\Toolbar\toolbar.dll"
pause
“del” เป็นคำสั่งลบ “pause” เพื่อให้คุณเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่ batch files ปิด เครื่องหมายคำพูดที่ใช้ใน “Program files” เพื่อป้องกันการตีความผิดว่าเป็นคำ 2 คำ จากการเว้นวรรค คำสั่ง rd ในดอสไม่สามารถย้าย directories ที่ไม่ว่าง
• ไอค่อนของไฟล์ควรเปลี่ยน เพื่อช่วยแสดงว่านามสกุลได้ถูกเปลี่ยนจาก ".txt" เป็น ".bat"
• การเรียกใช้งาน batch file ด้วยการดับเบิลคลิกที่ batch file
ลองตรวจดูว่า "C:\Program Files\Toolbar\toolbar.dll" ถูกลบไปแล้ว
แต่น่าจะยังอยู่ เพราะ process ควรจะยังถูกล็อคอยู่
ถ้าไฟล์ถูกลบไปแล้ว คุณสามารถจะลบมันได้โดยไม่ต้องใช้ batch file
ถ้าเราไม่มีไฟล์ที่ต้องการลบ แล้วจะเรียก batch file ที่เราสร้างขึ้น เพื่อลบไฟล์ที่เราไม่มีในเครื่อง จะทำไม่ได้
batch file สามารถถูกเรียกมาใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อไฟล์ที่ถูกล็อคไว้ด้วย process ไม่ได้ทำงานอยู่ นี่คือจุดมุ่งหมายของการใช้งาน batch file
วิธีเรียกใช้งาน batch file เมื่อ process ไม่ได้ทำงาน
• คลิกที่ Startup > Programs > Startup คลิกขวาเลือก Explore จะเปิดหน้าต่างนี้ขึ้นมา
"C:\Documents and Settings\USERNAME\Start Menu\Programs\Startup"
• Copy "delete.bat"
• Paste "delete.bat" ใน Startup ข้างบน
ตอนนี้ batch file จะรันตอนเปิดเครื่องขึ้นมา เพื่อให้ทำงานก่อน process ที่ล็อคไฟล์
• ลองรีบูทคอมพิวเตอร์แล้วดูว่าไฟล์ถูกลบหรือไม่
การตรวจดูว่าวิธีข้างตนใช้ได้ผล
• ไฟล์ใน "C:\Program Files\Toolbar\toolbar.dll" หรือ ไฟล์ที่คุณเลือกจะลบควรจะถูกลบเรียบร้อยแล้ว
• ลบไฟล์ “delete.bat” ออกจาก “Startup”
เสร็จ
Infinite Loop Batch File
กรณีไฟล์ที่เราต้องการลบ ประกอบไปด้วยไฟล์ที่สามารถรัน process ให้ทำงานด้วยตัวของมันเองได้
ให้บูทใน safe mode ด้วยการกด F8 ตอนรีบูทเครื่อง และให้เราสร้าง infinite loop batch file [แบทไฟล์ที่วนลูปแบบไม่สิ้นสุด] สมมติว่าลบไฟล์ใน "C:\Program Files\Toolbar\toolbar.dll" ให้สร้างแบทไฟล์แบบนี้
อ้างถึง:
REM Infinite Loop Delete Batch File
:loop
del "C:\Program Files\Toolbar\toolbar.dll"
goto loop
แล้วรันแบทไฟล์ เพื่อหยุดการทำงาน process ที่ล็อคไฟล์นั้น ไฟล์ก็จะถูกลบได้
Use Another Operating System
ถ้าคุณมีระบบปฏิบัติการ 2 ระบบ ให้บูทเข้าไปในอีกระบบปฏิบัติการ แล้วลบไฟล์ที่ลบไม่ได้ในระบบปฏิบัติการแรก
Use "Process Explorer" To Find Locking Process
ดาวน์โหลดโปรแกรม Process Explorer (ฟรีแวร์)
http://www.microsoft.com/technet/sys...sExplorer.mspx
เพื่อใช้แยกแยะว่าโปรแกรมไหนเปิดไฟล์หรือไดเรกทอรี่ไ หน ช่วยดู process ที่ล็อกไฟล์ที่เราต้องการลบได้
ตัวอย่างเช่น ปิดการใช้งานโปรแกรมแล้ว แต่ Process Explorer จะยินยอมให้ตรวจสอบไฟล์ที่ควบคุมไฟล์ที่ถูกล็อคเอาไว ้อย่างไม่เหมาะสม ทำให้สามารถจัดการไฟล์ที่ต้องการลบแต่ถูกล็อคไว้ได้
Show Locked Files of a Process:
การตั้งค่าให้ Process Explorer แสดงไฟล์ที่ถูกล็อคไว้ ให้เลือกเมนู View เลือก "Show lower pane" เมื่อคุณเลือกหรือไฮไลท์ process บนหน้าต่างด้านบน ล็อคไฟล์จะถูกแสดงไว้ในหน้าต่างด้านล่าง
จำไว้ว่าต้องเลือก process เพื่อหาไฟล์ที่กำลังถูกล็อค คุณไม่สามารถทำแบบย้อนกลับ ด้วยการเลือกไฟล์ เพื่อหา process ที่กำลังล็อคไฟล์อยู่
Another Idea: Use "GiPo@MoveOnBoot" to Move or Delete File in Next System Boot
GiPo@MoveOnBoot
ดาวน์โหลดฟรีแวร์นี้มาใช้ช่วยลบตอนบูทเครื่องครั้งต่ อไป
http://www.gibinsoft.net/gipoutils
เลื่อนลงมาที่ด้านล่างหาที่หัวข้อ Old Version (Freeware)
เลือก GiPo@MoveOnBoot
อ้างถึง:
REFERENCE
http://xona.com/2004/08/19.html
วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
Windows Command
เล่นเน็ตนานๆแล้วอืด
ผมจะใช้วิธีลบแคช DNS ของ winxp
พอหลังจากลบ จะเพิ่มความเร็วในเข้าเวบเร็วขึ้น
อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะ กรุณาใช้วิจารณญาณในการทำ
ไปที่ start >run พิมพ์ ipconfig /flushdns แล้ว ok
status bar ชอบล่องหน
หลายคนคงเคยประสบปัญหานี้
status bar ที่อยู่ด้านล่างชอบหายไปเฉยๆ ทิปนี้จะช่วยให้ status bar ไม่หายอีก
1. เปิด ie ไปที่ view > status bar แล้วปิด ie
2. เปิด my com ไปที่ view > status bar แล้วไปที่ tools > folder options
3. คลิกแถบ view คลิกปุ่ม apply to all folders กด ok
เมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
เนื่องมาจากไฟล์ของระบบเสียหาย คุณสามารถติดตั้งเฉพาะตัวโปรแกรมวินโดว์ใหม่โดยไม่จำเป็น ต้องฟอร์แมตแล้วลงวินโดว์และติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ เข้าไปใหม่ให้เสียเวลา นอกจากนี้คุณยังไม่ต้อง มานั่งปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ใหม่อีกครั้งแต่อย่างใดด้วย
1. เปิดเครื่องบู๊ตเข้าสู่วินโดว์ตามปกติ
2. นำแผ่น Setup CD ของวินโดว์ใส่ลงในไดร์ซีดีรอม
3. คลิกปุ่ม Start -> Run
4. พิมพ์คำสั่ง E:\i386winnt32 /unattend แล้วคลิกปุ่ม OK
5. โปรแกรมติดตั้งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งวินโดว์ให้คุณ ใหม่โดยยังคงรักษา
ค่าการทำงานต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม
วิธี backup registry
start>program>accessories>system tool เลือก backup
จะปรากฏหน้าต่าง backup or restore
คลิกที่ลิงค์ advance mode
คลิกแถบ backup
แล้วคลิกเลือกส่วน System State
ดูด้านล่างตรง backup media or file name กำหนดว่าจะ backup ที่ไหน
คลิก start backup และ start backup จนเสร็จ
วิธี restore registry
start>program>accessories>system tool เลือก backup
จะปรากฏหน้าต่าง backup or restore
คลิกที่ลิงค์ advance mode
คลิกแถบ restore and manage media
คลิกเลือก system state ที่ backup ไว้
คลิก start restore
ลบโปรแกรมที่ไม่ต้องการ ที่มาพร้อมกับ win xp ออก
โปรแกรมที่มากับ winxp จะไม่มีใน add remove
ไปที่ start >setting>control panel>folder option
เลือกแถบ view เลือก show hidden files....เพื่อให้ windows โชว์ไฟล์ทั้งหมด
แล้วไปที่ start>run พิมพ์ inf
หาไฟล์ sysoc.inf แล้วดับเบิ้ลคลิก จะเปิดมาใน notepad
มองหาโปรแกรมที่จะลบ แล้วลบคำว่า hide ออกแล้ว save แล้วไปที่ add remove แล้วลบโปรแกรมที่จะเอาออก
เข้า winXp ไม่ต้องรอนาน
โดยปกติเมื่อเปิดเครื่องเข้า winxp จะนานประมาณ 30 วินาที อาจไม่ทันใจพวกเรานัก
ไปที่ start>run พิมพ์ cmd
มันจะขึ้นมาเป็น Dos พร้อมพ์ พิมพ์ bootcfg/timeout 5
แล้วกด enter
แล้วลองเข้า winxp ใหม่
เปิด IE ให้หน้าต่างเท่ากันทุกครั้ง
หลายครั้งที่เปิดหน้าต่าง IE ขึ้นมา มันจะใหญ่ๆเล็กๆ ไม่เท่ากันใช่มั้ย ต้องมานั่งกดให้มันเต็มจอทุกครั้งดูแล้วน่ารำคาญ เรามีวิธีแก้ง่ายๆให้คุณ
1. เข้าที่ Start > Program > Internet Explorer คลิกขวาเลือก Properties
2. ที่หน้าต่าง Internet Explorer Properties ช่อง Run: คลิกเลือกให้อยู่ที่ Maximized แล้วคลิก OK
สำหรับโปรแกรมอื่นๆ รวมถึงโฟล์เดอร์ต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกันนี้แล
ปล. เปิดจาก Icon หรือ Short cut ไหน ก็ให้คลิกขวาที่นั่น แล้วเลือก Properties
ติดจรวจในการเล่น internet ใน winxp
การใช้ internet บางครั้งเร็ว บางครั้ง ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบหลายอย่าง วิธีนี้ก็ทำให้ internet เร็วขึ้นที่ถูกและเร็ว
ไปที่ start > run พิมพ์ gpedit.msc กด ok
จะแสดงหน้าต่าง Group Policy
ที่ computer config.. เลือก Administrative Templates
หัวข้อ network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
มองหาหน้าต่างขวามือ ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwith
จะปรากฏหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwidth Properties เลือกแถบ setting คลิกเลือกที่ช่อง Enable
ในกรอบ Bandwidth limit(%) ปรับเป็น 0 แล้วกด ok
ปรับแต่งโปรแกรมที่ใช้เป็นประจำให้เร็วขึ้น
ให้กดปุ่ม Ctrl + alt + delete จะปรากฏกรอบ windows task manager เลือกแถบ processes
เลือกโปรแกรมที่จะปรับแต่ง โดยคลิกขวาที่โปรแกรม แล้วไปที่ set priority
normal เป็นการทำงานปกติ ก้อปรับเป็น high
ถ้าโปรแกรมเร็วเกินไปก้อไปที่ low เมื่อปรับแต่งเสร็จจะแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงค่า ให้คลิก ok
คอมฯรีสตาร์ทเอง
มีบางคนใช้คอมฯ อยู่ดีๆแล้วรีสตาร์ทอัตโนมัติ
(กรณีที่ไม่ใช่สาเหตุจากไวรัส)
สาเหตุก็อาจเกิดจากโปรแกรมได้กำหนดค่าไว้ให้มีการรีสตาร์ทระบบอัตโนมัติ เมื่อพบว่าระบบมีปัญหา
วิธีแก้คือ
คลิกขวา my com > properties
ที่กรอบ system properties เลือกแถบ advance
คลิกที่ setting จากกรอบ startup and recovery
ที่กรอบ system failure ให้ติ๊กถูกที่ automatically restart ออก แล้วกด ok เพื่อยืนยัน
ดู ip เครื่องยังไง
ไปที่ start >run พิมพ์ cmd แล้ว ok
แล้วพิมพ์ ipconfig แล้วกด enter
ดูตรง ip address
ผมจะใช้วิธีลบแคช DNS ของ winxp
พอหลังจากลบ จะเพิ่มความเร็วในเข้าเวบเร็วขึ้น
อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะ กรุณาใช้วิจารณญาณในการทำ
ไปที่ start >run พิมพ์ ipconfig /flushdns แล้ว ok
status bar ชอบล่องหน
หลายคนคงเคยประสบปัญหานี้
status bar ที่อยู่ด้านล่างชอบหายไปเฉยๆ ทิปนี้จะช่วยให้ status bar ไม่หายอีก
1. เปิด ie ไปที่ view > status bar แล้วปิด ie
2. เปิด my com ไปที่ view > status bar แล้วไปที่ tools > folder options
3. คลิกแถบ view คลิกปุ่ม apply to all folders กด ok
เมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง
เนื่องมาจากไฟล์ของระบบเสียหาย คุณสามารถติดตั้งเฉพาะตัวโปรแกรมวินโดว์ใหม่โดยไม่จำเป็น ต้องฟอร์แมตแล้วลงวินโดว์และติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ เข้าไปใหม่ให้เสียเวลา นอกจากนี้คุณยังไม่ต้อง มานั่งปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ใหม่อีกครั้งแต่อย่างใดด้วย
1. เปิดเครื่องบู๊ตเข้าสู่วินโดว์ตามปกติ
2. นำแผ่น Setup CD ของวินโดว์ใส่ลงในไดร์ซีดีรอม
3. คลิกปุ่ม Start -> Run
4. พิมพ์คำสั่ง E:\i386winnt32 /unattend แล้วคลิกปุ่ม OK
5. โปรแกรมติดตั้งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งวินโดว์ให้คุณ ใหม่โดยยังคงรักษา
ค่าการทำงานต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม
วิธี backup registry
start>program>accessories>system tool เลือก backup
จะปรากฏหน้าต่าง backup or restore
คลิกที่ลิงค์ advance mode
คลิกแถบ backup
แล้วคลิกเลือกส่วน System State
ดูด้านล่างตรง backup media or file name กำหนดว่าจะ backup ที่ไหน
คลิก start backup และ start backup จนเสร็จ
วิธี restore registry
start>program>accessories>system tool เลือก backup
จะปรากฏหน้าต่าง backup or restore
คลิกที่ลิงค์ advance mode
คลิกแถบ restore and manage media
คลิกเลือก system state ที่ backup ไว้
คลิก start restore
ลบโปรแกรมที่ไม่ต้องการ ที่มาพร้อมกับ win xp ออก
โปรแกรมที่มากับ winxp จะไม่มีใน add remove
ไปที่ start >setting>control panel>folder option
เลือกแถบ view เลือก show hidden files....เพื่อให้ windows โชว์ไฟล์ทั้งหมด
แล้วไปที่ start>run พิมพ์ inf
หาไฟล์ sysoc.inf แล้วดับเบิ้ลคลิก จะเปิดมาใน notepad
มองหาโปรแกรมที่จะลบ แล้วลบคำว่า hide ออกแล้ว save แล้วไปที่ add remove แล้วลบโปรแกรมที่จะเอาออก
เข้า winXp ไม่ต้องรอนาน
โดยปกติเมื่อเปิดเครื่องเข้า winxp จะนานประมาณ 30 วินาที อาจไม่ทันใจพวกเรานัก
ไปที่ start>run พิมพ์ cmd
มันจะขึ้นมาเป็น Dos พร้อมพ์ พิมพ์ bootcfg/timeout 5
แล้วกด enter
แล้วลองเข้า winxp ใหม่
เปิด IE ให้หน้าต่างเท่ากันทุกครั้ง
หลายครั้งที่เปิดหน้าต่าง IE ขึ้นมา มันจะใหญ่ๆเล็กๆ ไม่เท่ากันใช่มั้ย ต้องมานั่งกดให้มันเต็มจอทุกครั้งดูแล้วน่ารำคาญ เรามีวิธีแก้ง่ายๆให้คุณ
1. เข้าที่ Start > Program > Internet Explorer คลิกขวาเลือก Properties
2. ที่หน้าต่าง Internet Explorer Properties ช่อง Run: คลิกเลือกให้อยู่ที่ Maximized แล้วคลิก OK
สำหรับโปรแกรมอื่นๆ รวมถึงโฟล์เดอร์ต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกันนี้แล
ปล. เปิดจาก Icon หรือ Short cut ไหน ก็ให้คลิกขวาที่นั่น แล้วเลือก Properties
ติดจรวจในการเล่น internet ใน winxp
การใช้ internet บางครั้งเร็ว บางครั้ง ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบหลายอย่าง วิธีนี้ก็ทำให้ internet เร็วขึ้นที่ถูกและเร็ว
ไปที่ start > run พิมพ์ gpedit.msc กด ok
จะแสดงหน้าต่าง Group Policy
ที่ computer config.. เลือก Administrative Templates
หัวข้อ network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
มองหาหน้าต่างขวามือ ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwith
จะปรากฏหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwidth Properties เลือกแถบ setting คลิกเลือกที่ช่อง Enable
ในกรอบ Bandwidth limit(%) ปรับเป็น 0 แล้วกด ok
ปรับแต่งโปรแกรมที่ใช้เป็นประจำให้เร็วขึ้น
ให้กดปุ่ม Ctrl + alt + delete จะปรากฏกรอบ windows task manager เลือกแถบ processes
เลือกโปรแกรมที่จะปรับแต่ง โดยคลิกขวาที่โปรแกรม แล้วไปที่ set priority
normal เป็นการทำงานปกติ ก้อปรับเป็น high
ถ้าโปรแกรมเร็วเกินไปก้อไปที่ low เมื่อปรับแต่งเสร็จจะแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงค่า ให้คลิก ok
คอมฯรีสตาร์ทเอง
มีบางคนใช้คอมฯ อยู่ดีๆแล้วรีสตาร์ทอัตโนมัติ
(กรณีที่ไม่ใช่สาเหตุจากไวรัส)
สาเหตุก็อาจเกิดจากโปรแกรมได้กำหนดค่าไว้ให้มีการรีสตาร์ทระบบอัตโนมัติ เมื่อพบว่าระบบมีปัญหา
วิธีแก้คือ
คลิกขวา my com > properties
ที่กรอบ system properties เลือกแถบ advance
คลิกที่ setting จากกรอบ startup and recovery
ที่กรอบ system failure ให้ติ๊กถูกที่ automatically restart ออก แล้วกด ok เพื่อยืนยัน
ดู ip เครื่องยังไง
ไปที่ start >run พิมพ์ cmd แล้ว ok
แล้วพิมพ์ ipconfig แล้วกด enter
ดูตรง ip address
DOS
Dos ย่อมาจาก Disk Operating System เป็นระบบปฎิบัติการรุ่นแรก ๆ ซึ่งการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการทำงานบนระบบปฎิบัติการดอสเป็นหลัก โดยการทำงานส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานโดยการใช้คำสั่งผ่านบรรทัดคำสั่ง (Command Line) ที่นิยมใช้กันคือ MS-Dos ซึ่งต่อมาระบบปฎิบัติการดอสจะถูกซ่อนอยู่ใน Windows ลองมาดูกันว่าคำสั่งไหนบ้างที่เราควรรู้จักวิธีใช้งาน
CD คำสั่งเข้า-ออก ในไดเร็คทอรี่
CD (Change Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนไดเร็คทอรี่ในโหมดดอส เช่น ถ้าต้องการรัน คำสั่งเกมส์ที่เล่นในโหมดดอส ซึ่งอยู่ในไดเร็คทอรี MBK ก็ต้องเข้าไปในไดเร็คทอรีดังกล่าวเสี่ยก่อนจึงจะรันคำสั่งเปิดโปรแกรมเกมส์ได้
รูปแบบคำสั่ง
CD [drive :] [path]
CD[..]
เมื่อเข้าไปในไดเร็คทอรีใดก็ตาม แล้วต้องการออกจากไดเร็คทอรีนั้น ก็เพียงใช้คำสั่ง CD\ เท่านั้นแต่ถ้าเข้าไปในไดเร็คทอรีย่อยหลาย ๆ ไดเร็คทอรี ถ้าต้องการออกมาที่ไดรว์ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ให้ใช้คำสั่ง CD\ เพราะคำสั่ง CD.. จะเป็นการออกจากไดเร็คทอรีได้เพียงลำดับเดียวเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
CD\
กลับไปที่ Root ระดับสูงสุด เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:\>docs\data> หลังจากใช้คำสั่งนี้ก็จะย้อนกลับไปที่ C:\ >CD..
กลับไปหนึ่งไดเร็คทอรี เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:\windows\command> หลังจากนั้น ใช้คำสั่งนี้ก็จะก็จะย้อนกลับไปที่ C:\windows>
CHKDSK (CHECK DISK) คำสั่งตรวจเช็คพื้นที่ดิสก์
CHKDSK เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลของหน่วยความจำ และการใช้งานดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ การรายงานผลของคำสั่งนี้จะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ไดเร็คทอรี และ FAT ของดิสก์ หรือไฟล์ เพื่อหาข้อมผิดพลาดของการเก็บบันทึก ถ้า CHKDSK พบว่ามี Lost Cluster จะยังไม่แก้ไขใด ๆ นอกจากจะใช้สวิตซ์ /f กำหนดให้ทำการเปลี่ยน Lost Cluster ให้เป็นไฟล์ที่มีชื่อไฟล์เป็น FILE0000.CHK ถ้าพบมากว่า 1 ไฟล์ อันต่อไปจะเป็น FILE0002.CHK ไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถรายงานปัญหาที่ตรวจพบได้อีก อย่างเช่น จำนวน Bad Sector , Cross-ling Cluster (หมายถึง Cluster ที่มีไฟล์มากกว่าหนึ่งไฟล์แสดงความเป็นเจ้าของ แต่ข้อมูลใน Cluster จะเป็นของไฟล์ได้เพียงไฟล์เดียวเท่านั้น)
รูปแบบคำสั่ง
CHKDSK [drive:][[path]filename] [/F] [/V]
[drive:][path] กำหนดไดรว์ และไดเร็ทอรีที่ต้องการตรวบสอบ
filename ชื่อไฟล์ที่ต้องการให้ตรวจสอบ
/F สั่งให้ Fixes Errors ทันทีที่ตรวจพบ
/V ขณะที่กำลังตรวจสอบ ให้แสดงชื่อไฟล์และตำแหน่งของดิสก์บนหน้าจอด้วย
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\WINDOWS>CHKDSK D: ตรวจสอบข้อมูลการใช้งานดิสก์ในไดรว์ D
C:\>CHKDSK C: /F ตรวจสอบ ไดรว์ C พร้อมกับซ่อมแซมถ้าตรวจเจอปัญหา
COPY คำสั่งคัดลอกไฟล์
Copy เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ จากไดเร็คทอรีหนึ่งไปยังไดเร็คทอรีที่ต้องการ คำสั่งนี้มีประโยชน์มากควรหัดใช้ให้เป็น เพราะสามารถคัดลอกไฟล์ได้ยามที่ Windows มีปัญหา
รูปแบบคำสั่ง
COPY [Source] [Destination]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\COPY A:README.TXT คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ A ไปยังไดรว์ C
C:\COPY README.TXT A: คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ C ไปยังไดรว์ A
C:\INFO\COPY A:*.* คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C
A:\COPY *.* C:INFO คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C
DIR คำสั่งแสดงไฟล์และไดเร็คทอรีย่อย
เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงรายชื่อไฟล์และไดเร็คทอรี คำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งพื้นฐานที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อจะได้รู้ว่าในไดรว์หรือไดเร็คทอรีนั้น ๆ มีไฟล์หรือไดเร็คทอรีอะไรอยู่บ้าง
รูปแบบคำสั่ง
DIR /P /W
/P แสดงผลทีละหน้า
/W แสดงในแนวนอนของจอภาพ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\>DIR ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C
C:\>DIR /W ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C ในแนวนอน
C:\>INFO\DIR /P ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีย่อยในไดเร็คทอรี INFO โดยแสดงทีละหน้า
C:\>INFO\DIR *.TEX ให้แสดงรายชื่อไฟล์ทั้งหมดในไดเร็คทอรี INFO เฉพาะที่มีนามสกุล TXT เท่านั้น
C:\> DIR BO?.DOC ให้แสดงรายชื่อไฟล์ในไดรว์ C ที่ขึ้นต้นด้วย BO และมีนามสกุล DOC ในตำแหน่ง ? จะเป็นอะไรก็ได
เรียนลัดคำสั่ง Dos ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมคอม
DEL (DELETE) คำสั่งลบไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการลบไฟล์ ซึ่งต้องระมัดระวังในการใช้คำสั่งนี้ให้มาก
รูปแบบคำสั่ง
DEL [ชื่อไฟล์ที่ต้องการลบ]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\>DEL BOS.VSD ลบไฟล์ในไดรว์ C ที่ชื่อ BOS.VSD
C:\>PROJECT\DEL JOB.XLS ลบไฟล์ชื่อ JOB.XLS ที่อยู่ในไดเร็คทอรี PROJEC ของไดรว์ C
D:\>DEL *.TXT ลบทุกไฟล์ที่มีนามสกุล TXT ในไดรว์ D
FDISK ( Fixed Disk)
เป็นไฟล์โปรแกรมที่ใช้ในการจัดการกับพาร์ติชั่นของฮาร์ดิสก์ ใช้ในการสร้าง ลบ กำหนดไดรว์ ที่ทำหน้าที่บูตเครื่อง แสดงรายละเอียดของพาร์ติชันบนฮาร์ดิสก์ จะเห็นว่าเป็นโปรแกรมอีกตัวหนึ่งที่ต้องทำความรู้จักและศึกษาวิธีใช้งาน เพราะสามารถใช้ประโยชน์ในการสร้าง ฮาร์ดดิสก์ให้มีหลาย ๆ ไดรว์ก็ได้
รูปแบบคำสั่ง
FDISK /STATUS
ตัวอย่างการใช้งานโปรแกรม
A:>\FDISK เริ่มใช้งานโปรแกรม
A:\>FDISK /STATUS แสดงข้อมุลเกี่ยวกับพาร์ติชันบนฮาร์ดดิสก์
FORMAT คำสั่งฟอร์แมตเครื่อง
เป็นคำสั่งใช้จัดรูปแบบของดิสก์ใหม่ คำสั่งนี้ปกติจะใช้หลังการแบ่งพาร์ชันด้วยคำสั่ง FDISK เพื่อให้สามารถใช้งานฮาร์ดดดดิสก์ได้ หรือฝช้ล้างข้อมูลกรณีต้องการเคลียร์ข้อมูลทั้งหมดในฮาร์ดิสก์
รูปแบบคำสั่ง
FORMAT drive: [/switches]
/Q ให้ฟอร์แมตแบบเร็ว ซึ่งจะใช้เวลาน้อยลง (Quick Format)
/S หลังฟอร์แมตแล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์นั้นด้วย เพื่อให้ไดรว์ที่ทำการฟอร์แมตสามารถบูตได้
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
A:\>FORMAT C: /S ฟอร์แมตไดรว์ C แล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์ด้วย
C:\>FORMAT A: /Q ฟอร์แมตไดรว์ A แบบ Quick Format
MD คำสั่งสร้างไดเร็คทอรี
MD (Make Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการสร้างไดเร็คทอรี คำสั่งนี้จะช่วยให้สามารถสร้างไดเร็คทอรีชื่ออะไรก็ได้ที่เราต้องการ แต่ต้องมีการตั้งชื่อที่อยู่ในกฎเกณฑ์ของ Dos
รูปแบบคำสั่ง
MD [drive:] path
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
D:\> MD TEST สร้างไดเร็คทอรี TEST ขึ้นมาในไดรว์ D
D:\>DOC\MD TEST สร้างไดเร็คทอรีที่ชื่อ TEST ขึ้นมาภายในไดเร็คทอรี DOC
REN (RENAME) คำสั่งเปลี่ยนชื่อไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนชื่อไฟล์ และส่วนขยาย โดยคำสั่ง REN นี้ไม่สามารถใช้เปลี่ยนชื่อไดเร็คทอรีได้
รูปแบบคำสั่ง
REN [ชื่อไฟล์เดิมล [ชื่อไฟล์ใหม่]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\REN BOS.DOC ANN.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดรว์ C เป็น ANN.DOC
C:\REN C:\MAYA\BOS.DOC PEE.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดเร็คทอรี MAYA ให้เป็น PEE.DOC
C:\REN A:*.*TEX *.OLD เปลี่ยนส่วนขยายของไฟล์ชนิด TXT ทุกไฟล์ในไดรว์ A ให้เป็น OLD
SCANDISK
คำสั่ง SCANDISK เป็นคำสั่งตรวจสอบพื่นที่ฮาร์ดดิสก์ สามารถใช้ในการตรวบสอบปัญหาต่าง ๆ ได้ และเมื่อ SCANDISK ตรวจพบปํญหา จะมีทางเลือกให้ 3 ทางคือ FIX IT , Don't Fix IT และ More Info ถ้าไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นให้เลือก More Info เพื่อขอข้อมูลเพิ่มก่อนตัดสินใจต่อไป
ถ้าเลือก FIX IT จะเป็นการสั่งให้ Scandisk ทำการแก้ไขปัญหาที่พบ ถ้าการซ่อมแซมสำเร็จโปรแกรมจะมีรายงานที่จอภาพให้ทราบ ส่วน Don't Fix IT คือให้ข้ามปัญหาที่พบไปโดยไม่ต้องทำการแก้ไข
รูปแบบคำสั่ง
SCANDISK [Drive:]/AUTOFIX
/AUTOFIX ให้แก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
A:\>SCANDISK C: ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ C
A:\>SCANDISK D:/AUTOFIX ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ D และแก้ไขอัตโนมัติ
เรียนลัดคำสั่ง Dos ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมคอม
Type คำสั่งดูข้อมูลในไฟล์
Type เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงเนื้อหาภายในไฟล์บนจอภาพ คำสั่งนี้จะใช้ได้กับไฟล์แบบ Text ส่วนไฟล์โปรแกรมต่าง ๆ จะไม่สามารถอ่านได้
รูปแบบคำสั่ง
TYPE [ชื่อไฟล์ที่ต้องการอ่าน]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\>Type AUTOEXEC.BAT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ AUTOEXEC.BAT
C:\>NORTON\TYPE README.TXT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ README.TXT ในไดเร็คทอรี NORTONXCOPY คำสั่งคัดลอกทั้งไดเร็คทอรีและทั้งหมดในไดเร็คทอรี
XCOPY เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ได้เหมือนคำสั่ง COPY แต่ทำงานได้เร็วกว่า และสามารถคัดลอก ได้ทั้งไดเร็คทอรีและไดเร็คทอรีย่อย
รูปแบบคำสั่ง
XCOPY [ต้นทาง] [ปลายทาง] /S /E
/E ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยทั้งหมดรวมถึงไดเร็คทอรีย่อยที่ว่างเปล่าด้วย
/S ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยที่ไม่ว่างเปล่าทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\>XCOPY BACKUP F: /S /E คัดลอกทุกไฟล์และทุกไดเร็คทอรีย่อย BACKUP ไปไว้ในไดรว์ F
C:\>PRINCE>XCOPY *.VSD A: คัดลอกทุกไฟล์ที่มีนามสกุล VSD ในไดเร็คทอรี PRINCE ไปที่ไดรว์ A
ข้อความแจ้งปัญหาในดอส
ในการทำงานบนดอสบางครั้งก็เกิดปัญหาได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ซึ่งการเกิดปัญหาแต่ละครั้งก็จะมีข้อความแจ้งให้ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุจากอะไร ต่อไปนี้เป็นข้อความแจ้งปัญหาที่มักพบได้บ่อย ๆ มีดังนี้
Abort, Retry, Fail ?
จะพบได้ในการณีที่ไดรว์ไม่มีแผ่นดิสก์อยุ่แล้วเรียกใช้ข้อมูลจากไดรว์นั้น การแก้ไขก็นำแผ่นดิสก์ที่ต้องการใช้มาใส่เข้าไป
กดปุ่ม < R > (Retry) การทำงานจะทำต่อจากงานที่ค้างอยู่ก่อนเกิดความผิดพลาด
กดปุ่ม < A > (Abort) รอรับคำสั่งจะไปอยู่ในไดรว์ที่สั่งงานล่าสุด
กดปุ่ม < F > (Fail) เมื่อต้องการยกเลิกการทำงาน และเปลี่ยนไดรว์ใหม่
Bad Command or file name
ใช้คำสั่งผิดหรือไฟล์ที่เรียกใช้งานนั้นไม่สามารถเรียกใช้ได้ การแก้ไข ตรวจสอบบรรทัดคำสั่งว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น พิมพ์คำสั่งหรือชื่อไฟล์ถูกต้องหรือไม่ แล้วลองรันคำสั่งดูใหม่อีกครั้ง อาจเกี่ยวข้องกับเวอร์ชันของดอสไม่มีคำสั่งนั้นก็ได้
File not found
ไม่สามารถหาไฟล์นั้นพบ อาจไม่มีไฟล์นั้น หรืออาจพิมพ์ชื่อไฟล์นั้นนผิดจากที่ต้องการ นอกจากนี้อาจเกิดจากพาธ (Path) ที่สั่งงานไม่มีไฟล์นั้น
Insufficient memory หรือ Out of memory
Insufficient memory หน่วยความจำไม่พอต่อความต้องการของโปรแกรม
Out of memory โปรแกรมเริ่มทำงานไปแล้วบางส่วนแล้วหน่วยความจำไม่พอ ระบบจึงต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ
Directory already exits
เกิดขึ้นเมื่อสร้างไดเร็คทอรีแล้วไปซ้ำกับซื่อที่มีอยู่แล้วในพาธเดียวกัน
Duplicate file ot file not found
ถ้าเปลี่ยนชื่อไฟล์ไปซ้ำกับชื่อที่มีอยู่จะทำไม่ได้และจะแจ้งเตือนดังข้อความดังกล่าว
InSufficient Disk space
ข้อความนี้จะเกิดขึ้นเมื่อดิสก์ไม่เพียงพอต่อการเก็บข้อมูล วิธีแก้ ลองใช้ดิสก์อื่นหรือลบไฟล์ที่ไม่จำเป็น
CD คำสั่งเข้า-ออก ในไดเร็คทอรี่
CD (Change Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนไดเร็คทอรี่ในโหมดดอส เช่น ถ้าต้องการรัน คำสั่งเกมส์ที่เล่นในโหมดดอส ซึ่งอยู่ในไดเร็คทอรี MBK ก็ต้องเข้าไปในไดเร็คทอรีดังกล่าวเสี่ยก่อนจึงจะรันคำสั่งเปิดโปรแกรมเกมส์ได้
รูปแบบคำสั่ง
CD [drive :] [path]
CD[..]
เมื่อเข้าไปในไดเร็คทอรีใดก็ตาม แล้วต้องการออกจากไดเร็คทอรีนั้น ก็เพียงใช้คำสั่ง CD\ เท่านั้นแต่ถ้าเข้าไปในไดเร็คทอรีย่อยหลาย ๆ ไดเร็คทอรี ถ้าต้องการออกมาที่ไดรว์ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ให้ใช้คำสั่ง CD\ เพราะคำสั่ง CD.. จะเป็นการออกจากไดเร็คทอรีได้เพียงลำดับเดียวเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
CD\
กลับไปที่ Root ระดับสูงสุด เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:\>docs\data> หลังจากใช้คำสั่งนี้ก็จะย้อนกลับไปที่ C:\ >CD..
กลับไปหนึ่งไดเร็คทอรี เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:\windows\command> หลังจากนั้น ใช้คำสั่งนี้ก็จะก็จะย้อนกลับไปที่ C:\windows>
CHKDSK (CHECK DISK) คำสั่งตรวจเช็คพื้นที่ดิสก์
CHKDSK เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลของหน่วยความจำ และการใช้งานดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ การรายงานผลของคำสั่งนี้จะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ไดเร็คทอรี และ FAT ของดิสก์ หรือไฟล์ เพื่อหาข้อมผิดพลาดของการเก็บบันทึก ถ้า CHKDSK พบว่ามี Lost Cluster จะยังไม่แก้ไขใด ๆ นอกจากจะใช้สวิตซ์ /f กำหนดให้ทำการเปลี่ยน Lost Cluster ให้เป็นไฟล์ที่มีชื่อไฟล์เป็น FILE0000.CHK ถ้าพบมากว่า 1 ไฟล์ อันต่อไปจะเป็น FILE0002.CHK ไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถรายงานปัญหาที่ตรวจพบได้อีก อย่างเช่น จำนวน Bad Sector , Cross-ling Cluster (หมายถึง Cluster ที่มีไฟล์มากกว่าหนึ่งไฟล์แสดงความเป็นเจ้าของ แต่ข้อมูลใน Cluster จะเป็นของไฟล์ได้เพียงไฟล์เดียวเท่านั้น)
รูปแบบคำสั่ง
CHKDSK [drive:][[path]filename] [/F] [/V]
[drive:][path] กำหนดไดรว์ และไดเร็ทอรีที่ต้องการตรวบสอบ
filename ชื่อไฟล์ที่ต้องการให้ตรวจสอบ
/F สั่งให้ Fixes Errors ทันทีที่ตรวจพบ
/V ขณะที่กำลังตรวจสอบ ให้แสดงชื่อไฟล์และตำแหน่งของดิสก์บนหน้าจอด้วย
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\WINDOWS>CHKDSK D: ตรวจสอบข้อมูลการใช้งานดิสก์ในไดรว์ D
C:\>CHKDSK C: /F ตรวจสอบ ไดรว์ C พร้อมกับซ่อมแซมถ้าตรวจเจอปัญหา
COPY คำสั่งคัดลอกไฟล์
Copy เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ จากไดเร็คทอรีหนึ่งไปยังไดเร็คทอรีที่ต้องการ คำสั่งนี้มีประโยชน์มากควรหัดใช้ให้เป็น เพราะสามารถคัดลอกไฟล์ได้ยามที่ Windows มีปัญหา
รูปแบบคำสั่ง
COPY [Source] [Destination]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\COPY A:README.TXT คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ A ไปยังไดรว์ C
C:\COPY README.TXT A: คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ C ไปยังไดรว์ A
C:\INFO\COPY A:*.* คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C
A:\COPY *.* C:INFO คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C
DIR คำสั่งแสดงไฟล์และไดเร็คทอรีย่อย
เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงรายชื่อไฟล์และไดเร็คทอรี คำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งพื้นฐานที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อจะได้รู้ว่าในไดรว์หรือไดเร็คทอรีนั้น ๆ มีไฟล์หรือไดเร็คทอรีอะไรอยู่บ้าง
รูปแบบคำสั่ง
DIR /P /W
/P แสดงผลทีละหน้า
/W แสดงในแนวนอนของจอภาพ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\>DIR ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C
C:\>DIR /W ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C ในแนวนอน
C:\>INFO\DIR /P ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีย่อยในไดเร็คทอรี INFO โดยแสดงทีละหน้า
C:\>INFO\DIR *.TEX ให้แสดงรายชื่อไฟล์ทั้งหมดในไดเร็คทอรี INFO เฉพาะที่มีนามสกุล TXT เท่านั้น
C:\> DIR BO?.DOC ให้แสดงรายชื่อไฟล์ในไดรว์ C ที่ขึ้นต้นด้วย BO และมีนามสกุล DOC ในตำแหน่ง ? จะเป็นอะไรก็ได
เรียนลัดคำสั่ง Dos ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมคอม
DEL (DELETE) คำสั่งลบไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการลบไฟล์ ซึ่งต้องระมัดระวังในการใช้คำสั่งนี้ให้มาก
รูปแบบคำสั่ง
DEL [ชื่อไฟล์ที่ต้องการลบ]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\>DEL BOS.VSD ลบไฟล์ในไดรว์ C ที่ชื่อ BOS.VSD
C:\>PROJECT\DEL JOB.XLS ลบไฟล์ชื่อ JOB.XLS ที่อยู่ในไดเร็คทอรี PROJEC ของไดรว์ C
D:\>DEL *.TXT ลบทุกไฟล์ที่มีนามสกุล TXT ในไดรว์ D
FDISK ( Fixed Disk)
เป็นไฟล์โปรแกรมที่ใช้ในการจัดการกับพาร์ติชั่นของฮาร์ดิสก์ ใช้ในการสร้าง ลบ กำหนดไดรว์ ที่ทำหน้าที่บูตเครื่อง แสดงรายละเอียดของพาร์ติชันบนฮาร์ดิสก์ จะเห็นว่าเป็นโปรแกรมอีกตัวหนึ่งที่ต้องทำความรู้จักและศึกษาวิธีใช้งาน เพราะสามารถใช้ประโยชน์ในการสร้าง ฮาร์ดดิสก์ให้มีหลาย ๆ ไดรว์ก็ได้
รูปแบบคำสั่ง
FDISK /STATUS
ตัวอย่างการใช้งานโปรแกรม
A:>\FDISK เริ่มใช้งานโปรแกรม
A:\>FDISK /STATUS แสดงข้อมุลเกี่ยวกับพาร์ติชันบนฮาร์ดดิสก์
FORMAT คำสั่งฟอร์แมตเครื่อง
เป็นคำสั่งใช้จัดรูปแบบของดิสก์ใหม่ คำสั่งนี้ปกติจะใช้หลังการแบ่งพาร์ชันด้วยคำสั่ง FDISK เพื่อให้สามารถใช้งานฮาร์ดดดดิสก์ได้ หรือฝช้ล้างข้อมูลกรณีต้องการเคลียร์ข้อมูลทั้งหมดในฮาร์ดิสก์
รูปแบบคำสั่ง
FORMAT drive: [/switches]
/Q ให้ฟอร์แมตแบบเร็ว ซึ่งจะใช้เวลาน้อยลง (Quick Format)
/S หลังฟอร์แมตแล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์นั้นด้วย เพื่อให้ไดรว์ที่ทำการฟอร์แมตสามารถบูตได้
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
A:\>FORMAT C: /S ฟอร์แมตไดรว์ C แล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์ด้วย
C:\>FORMAT A: /Q ฟอร์แมตไดรว์ A แบบ Quick Format
MD คำสั่งสร้างไดเร็คทอรี
MD (Make Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการสร้างไดเร็คทอรี คำสั่งนี้จะช่วยให้สามารถสร้างไดเร็คทอรีชื่ออะไรก็ได้ที่เราต้องการ แต่ต้องมีการตั้งชื่อที่อยู่ในกฎเกณฑ์ของ Dos
รูปแบบคำสั่ง
MD [drive:] path
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
D:\> MD TEST สร้างไดเร็คทอรี TEST ขึ้นมาในไดรว์ D
D:\>DOC\MD TEST สร้างไดเร็คทอรีที่ชื่อ TEST ขึ้นมาภายในไดเร็คทอรี DOC
REN (RENAME) คำสั่งเปลี่ยนชื่อไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนชื่อไฟล์ และส่วนขยาย โดยคำสั่ง REN นี้ไม่สามารถใช้เปลี่ยนชื่อไดเร็คทอรีได้
รูปแบบคำสั่ง
REN [ชื่อไฟล์เดิมล [ชื่อไฟล์ใหม่]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\REN BOS.DOC ANN.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดรว์ C เป็น ANN.DOC
C:\REN C:\MAYA\BOS.DOC PEE.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดเร็คทอรี MAYA ให้เป็น PEE.DOC
C:\REN A:*.*TEX *.OLD เปลี่ยนส่วนขยายของไฟล์ชนิด TXT ทุกไฟล์ในไดรว์ A ให้เป็น OLD
SCANDISK
คำสั่ง SCANDISK เป็นคำสั่งตรวจสอบพื่นที่ฮาร์ดดิสก์ สามารถใช้ในการตรวบสอบปัญหาต่าง ๆ ได้ และเมื่อ SCANDISK ตรวจพบปํญหา จะมีทางเลือกให้ 3 ทางคือ FIX IT , Don't Fix IT และ More Info ถ้าไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นให้เลือก More Info เพื่อขอข้อมูลเพิ่มก่อนตัดสินใจต่อไป
ถ้าเลือก FIX IT จะเป็นการสั่งให้ Scandisk ทำการแก้ไขปัญหาที่พบ ถ้าการซ่อมแซมสำเร็จโปรแกรมจะมีรายงานที่จอภาพให้ทราบ ส่วน Don't Fix IT คือให้ข้ามปัญหาที่พบไปโดยไม่ต้องทำการแก้ไข
รูปแบบคำสั่ง
SCANDISK [Drive:]/AUTOFIX
/AUTOFIX ให้แก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
A:\>SCANDISK C: ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ C
A:\>SCANDISK D:/AUTOFIX ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ D และแก้ไขอัตโนมัติ
เรียนลัดคำสั่ง Dos ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมคอม
Type คำสั่งดูข้อมูลในไฟล์
Type เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงเนื้อหาภายในไฟล์บนจอภาพ คำสั่งนี้จะใช้ได้กับไฟล์แบบ Text ส่วนไฟล์โปรแกรมต่าง ๆ จะไม่สามารถอ่านได้
รูปแบบคำสั่ง
TYPE [ชื่อไฟล์ที่ต้องการอ่าน]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\>Type AUTOEXEC.BAT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ AUTOEXEC.BAT
C:\>NORTON\TYPE README.TXT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ README.TXT ในไดเร็คทอรี NORTONXCOPY คำสั่งคัดลอกทั้งไดเร็คทอรีและทั้งหมดในไดเร็คทอรี
XCOPY เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ได้เหมือนคำสั่ง COPY แต่ทำงานได้เร็วกว่า และสามารถคัดลอก ได้ทั้งไดเร็คทอรีและไดเร็คทอรีย่อย
รูปแบบคำสั่ง
XCOPY [ต้นทาง] [ปลายทาง] /S /E
/E ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยทั้งหมดรวมถึงไดเร็คทอรีย่อยที่ว่างเปล่าด้วย
/S ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยที่ไม่ว่างเปล่าทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:\>XCOPY BACKUP F: /S /E คัดลอกทุกไฟล์และทุกไดเร็คทอรีย่อย BACKUP ไปไว้ในไดรว์ F
C:\>PRINCE>XCOPY *.VSD A: คัดลอกทุกไฟล์ที่มีนามสกุล VSD ในไดเร็คทอรี PRINCE ไปที่ไดรว์ A
ข้อความแจ้งปัญหาในดอส
ในการทำงานบนดอสบางครั้งก็เกิดปัญหาได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ซึ่งการเกิดปัญหาแต่ละครั้งก็จะมีข้อความแจ้งให้ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุจากอะไร ต่อไปนี้เป็นข้อความแจ้งปัญหาที่มักพบได้บ่อย ๆ มีดังนี้
Abort, Retry, Fail ?
จะพบได้ในการณีที่ไดรว์ไม่มีแผ่นดิสก์อยุ่แล้วเรียกใช้ข้อมูลจากไดรว์นั้น การแก้ไขก็นำแผ่นดิสก์ที่ต้องการใช้มาใส่เข้าไป
กดปุ่ม < R > (Retry) การทำงานจะทำต่อจากงานที่ค้างอยู่ก่อนเกิดความผิดพลาด
กดปุ่ม < A > (Abort) รอรับคำสั่งจะไปอยู่ในไดรว์ที่สั่งงานล่าสุด
กดปุ่ม < F > (Fail) เมื่อต้องการยกเลิกการทำงาน และเปลี่ยนไดรว์ใหม่
Bad Command or file name
ใช้คำสั่งผิดหรือไฟล์ที่เรียกใช้งานนั้นไม่สามารถเรียกใช้ได้ การแก้ไข ตรวจสอบบรรทัดคำสั่งว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น พิมพ์คำสั่งหรือชื่อไฟล์ถูกต้องหรือไม่ แล้วลองรันคำสั่งดูใหม่อีกครั้ง อาจเกี่ยวข้องกับเวอร์ชันของดอสไม่มีคำสั่งนั้นก็ได้
File not found
ไม่สามารถหาไฟล์นั้นพบ อาจไม่มีไฟล์นั้น หรืออาจพิมพ์ชื่อไฟล์นั้นนผิดจากที่ต้องการ นอกจากนี้อาจเกิดจากพาธ (Path) ที่สั่งงานไม่มีไฟล์นั้น
Insufficient memory หรือ Out of memory
Insufficient memory หน่วยความจำไม่พอต่อความต้องการของโปรแกรม
Out of memory โปรแกรมเริ่มทำงานไปแล้วบางส่วนแล้วหน่วยความจำไม่พอ ระบบจึงต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ
Directory already exits
เกิดขึ้นเมื่อสร้างไดเร็คทอรีแล้วไปซ้ำกับซื่อที่มีอยู่แล้วในพาธเดียวกัน
Duplicate file ot file not found
ถ้าเปลี่ยนชื่อไฟล์ไปซ้ำกับชื่อที่มีอยู่จะทำไม่ได้และจะแจ้งเตือนดังข้อความดังกล่าว
InSufficient Disk space
ข้อความนี้จะเกิดขึ้นเมื่อดิสก์ไม่เพียงพอต่อการเก็บข้อมูล วิธีแก้ ลองใช้ดิสก์อื่นหรือลบไฟล์ที่ไม่จำเป็น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)